ความร่วมมือระหว่างแบรนด์นาฬิกาสวิสชั้นสูง Girard-Perregaux และแบรนด์รถสปอร์ตไอคอนิกอย่าง Aston Martin ได้เริ่มต้นขึ้นในปี 2021 และเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองครบรอบ 160 ปี ของ Girard-Perregaux ความสัมพันธ์เชิงพันธมิตรนี้ได้ก่อกำเนิดนาฬิกาเรือนพิเศษที่ผสานความยอดเยี่ยมด้านวิศวกรรมจากทั้งสองโลกเข้าด้วยกันอย่างลงตัว โดยก่อนหน้านี้ได้มีการเปิดตัวนาฬิการุ่น Tourbillon with Three Flying Bridges Aston Martin Edition ที่มีตัวเรือนไทเทเนียมพร้อมสายหนังลูกวัวสีเขียว Racing Green ไปแล้ว และในครั้งนี้เป็นการต่อยอดความสำเร็จด้วยนาฬิกา Laureato Skeleton Aston Martin Edition รุ่นล่าสุด
ในครั้งนี้เป็นการต่อยอดความสำเร็จด้วยนาฬิกา Laureato Skeleton Aston Martin Edition ที่มาพร้อมกับโดดเด่นด้วยหน้าปัดแบบ Openworked ที่เผยให้เห็นโครงสร้างกลไกภายในอันซับซ้อน พื้นหน้าปัดเผยให้เห็นรายละเอียดของกลไกไขลานอัตโนมัติ แบบ In-House Calibre GP01800-2627 ที่ถูกเจาะโปร่งเพื่อให้ชิ้นส่วนต่างๆ เช่น สะพานจักรและลานนาฬิกาปรากฏสู่สายตา เข็มนาฬิกาและหลักชั่วโมงเคลือบสารเรืองแสงสีเขียว Racing Green ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Aston Martin ด้านกระจกหน้าปัดเป็นแซฟไฟร์ป้องกันรอยขีดข่วน
ตัวเรือนมาในวัสดุเซรามิกสีดำขนาด 42 มิลลิเมตร หนาเพียง 11.13 มิลลิเมตร กันน้ำลึก 100 เมตร โดดเด่นด้วยรูปทรงที่ผสมผสานความกลมและความเหลี่ยมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ขัดแต่งสลับผิวด้านและเงาเพื่อเพิ่มมิติ ด้านหลังตัวเรือนเป็นฝาหลังแซฟไฟร์พร้อมสลักโลโก้ Aston Martin และเผยให้เห็นโรเตอร์ที่ทำจาก Pink Gold เคลือบ PVD สีเขียว กลไกทำงานที่ความถี่ 4 Hz หรือ 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง สำรองพลังงาน 54 ชั่วโมง สายนาฬิกาเป็นเซรามิกสีดำแบบเดียวกับตัวเรือน ขัดแต่งสลับด้านและเงา ทำให้เกิดความต่อเนื่องในการออกแบบ
Girard-Perregaux Laureato Skeleton Aston Martin Edition
Ref. 81015-32-3538-32a
ผลิตจำนวนจำกัด 88 เรือน
ราคา 57,200 EUR
วางจำหน่าย สิงหาคม 2025
รายละเอียดเพิ่มเติม girard-perregaux.com
Initial Thoughts
Laureato Skeleton Aston Martin Edition เป็นนาฬิกาที่แสดงให้เห็นถึงความลงตัวระหว่างความหรูหราและความสปอร์ตได้อย่างแท้จริง การเลือกใช้เซรามิกสีดำทำให้ตัวเรือนดูดุดันและทันสมัย ขณะที่หน้าปัดแบบสเกเลตันก็ช่วยเพิ่มมิติและความน่าสนใจให้กับนาฬิกาได้เป็นอย่างดี ความร่วมมือกับ Aston Martin นั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่การแปะโลโก้ แต่ยังรวมถึงการนำสี Racing Green ที่เป็นไอคอนิกมาใช้กับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างเข็มนาฬิกาและมาร์คเกอร์ ซึ่งทำให้มันเป็นนาฬิกาที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและจิตวิญญาณของทั้งสองแบรนด์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
