นี่คือบทใหม่ของนาฬิกา G-SHOCK แบบโลหะล้วน ทีมนักออกแบบและ AI ได้ร่วมสร้างสรรค์แนวทางใหม่ในการออกแบบโครงสร้างและดีไซน์ภายนอก โดยอ้างอิงข้อมูลความทนทานต่อแรงกระแทกจากการทดสอบกว่า 40 ปีของ G-SHOCK กับนาฬิกาที่เปี่ยมด้วยความประณีตระดับสูงจากไลน์ 5000 รุ่น GMW-BZ5000 ที่สืบทอดจาก G-SHOCK รุ่นแรกคือการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านฟังก์ชันและวัสดุ ผ่านดีไซน์โฉมใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน
นาฬิกามาพร้อมกับหน้าจอ MIP LCD แบบ Full Dot ที่มีความละเอียดสูงและมีหน่วยความจำฝังอยู่ในแต่ละพิกเซล สามารถทำงานด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ เราจึงได้พัฒนาเวอร์ชันใหม่ที่ประหยัดพลังงานยิ่งกว่าเดิม หน้าจอนี้รองรับ 8 รูปแบบการแสดงผล โดยมี 2 สไตล์ให้เลือกคือแบบมาตรฐานที่อ่านง่ายและแบบคลาสสิกที่ให้ลุคดั้งเดิมแบบ 7 ส่วน ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ใน 4 โหมดการแสดงผล หน้าจอ MIP LCD ที่มีความแม่นยำสูง คอนทราสต์สูง และมุมมองกว้างสามารถชาร์จพลังงานได้จากแสงธรรมชาติหรือแสงในร่ม พร้อมแสดงผลได้ละเอียดคมชัดแม้อยู่กลางแจ้งหรือโดนแสงแดดโดยตรง และโหมดแสดงเวลาออกแบบให้คงรูปลักษณ์คลาสสิกของ G-SHOCK รุ่นแรก
ด้วยรูปลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของ G-SHOCK รุ่นดั้งเดิมเอาไว้ แต่ได้มีการพัฒนาโครงสร้างใหม่ที่ขยายตัวเรือนต่อเนื่องไปถึงส่วนเชื่อมต่อสายเพื่อให้ลดแรงกระแทกได้ดียิ่งขึ้น เมื่อมองจากด้านข้าง จะเห็นรูปลักษณ์ซับซ้อนที่เผยให้เห็นความงามเชิงโครงสร้างของดีไซน์ ภายในมีส่วนประกอบเรซินที่ยืดหยุ่นที่สามารถเปลี่ยนรูปชั่วขณะเพื่อดูดซับแรงกระแทก ทำให้นาฬิกาโลหะล้วนนี้เป็นไปตามมาตรฐานความทนทานต่อแรงกระแทกของ G-SHOCK ตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 49.3 × 43.6 × 13 มิลลิเมตร ใช้ฝาหลังแบบสกรูล็อกเพื่อการซีลที่แน่นหนาและมาพร้อมกับคุณสมบัติการกันน้ำลึก 200 เมตร และมั่นได้คุณภาพวัสดุและการประกอบด้วยคุณภาพระดับสูงด้วยมาตรฐานสินค้า made in Japan
นอกจากนี้ ยังมีการผสานฟังก์ชันอันทันสมัย ดาวน์โหลดแอป CASIO WATCHES เพื่อจับคู่กับสมาร์ทโฟนของคุณผ่าน Bluetooth® นอกจากนี้ Multiband 6, Tough Solar และไฟ LED ความสว่างสูงจะช่วยให้คุณมีฟังก์ชันการทำงานที่เพรียบพร้อม เข้าถึงได้ด้วยปลายนิ้วของคุณ
Casio G-SHOCK GMW-BZ5000BD-1
ราคา 102,300 JPY
วางจำหน่าย พฤศจิกายน 2025
รายละเอียดเพิ่มเติม casio.com
Initial Thoughts
นาฬิกา G-SHOCK รุ่นใหม่นี้ ซึ่งเป็นการต่อยอดจากตระกูล G-SHOCK 5000 Series ซึ่งได้ยกระดับมาตรฐานความทนทานด้วยการใช้ AI และข้อมูล 40 ปีในการออกแบบโครงสร้างและดีไซน์ พร้อมนำเสนอนวัตกรรมจอภาพ MIP LCD Full Dot ความละเอียดสูงที่คมชัดแม้อยู่กลางแจ้ง รองรับการแสดงผล 4 รูปแบบและ 2 สไตล์ฟอนต์ ตัวเรือนยังถูกพัฒนาโครงสร้างกันกระแทกใหม่พร้อมฝาหลังแบบขันเกลียว ให้คุณสมบัติกันน้ำ 200 เมตร และผลิตด้วยคุณภาพวัสดุและการประกอบระดับ “made in Japan” โดยครบครันด้วยฟังก์ชันสมัยใหม่ทั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ Tough Solar, การเชื่อมต่อ Bluetooth®, ระบบปรับเวลาอัตโนมัติ Multi Band 6 และไฟ LED ความสว่างสูง ทำให้เป็นนาฬิกาทรงสี่เหลี่ยมในตำนานที่ผสานดีไซน์คลาสสิกเข้ากับเทคโนโลยีล่าสุดได้อย่างลงตัว
