Breguet Marine Hora Mundi 5555 ฉลอง 250 ปี กับเรือนเวลาสำหรับนักเดินทางที่เปี่ยมด้วยศิลปะ

Breguet คือหนึ่งในแบรนด์นาฬิกาที่เก่าแก่และยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งก่อตั้งโดย Abraham-Louis Breguet ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะแห่งวงการนาฬิกา และหนึ่งในผลงานอันโดดเด่นของแบรนด์ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของนวัตกรรมและศิลปะคือ “Marine Hora Mundi” ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2022 และได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากในฐานะนาฬิกาสำหรับนักเดินทางที่ใช้งานง่ายที่สุดในโลก ด้วยการสลับแสดงเวลาต่างไทม์โซนได้อย่างทันทีทันใดด้วยการกดเพียงปุ่มเดียว

เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 250 ปีของแบรนด์ Breguet ได้เปิดตัวนาฬิกา Marine Hora Mundi 5555 ที่ยกระดับความซับซ้อนและศิลปะขึ้นไปอีกขั้น หน้าปัดของรุ่นนี้โดดเด่นด้วยการใช้หน้าปัดแบบสองชั้นที่ซ้อนทับกัน โดยชั้นล่างเป็นแผ่นทองคำที่แกะสลักเป็นเส้นเมริเดียนและขัดแต่งลายคลื่นแบบ Guilloché พร้อมไล่เฉดสีน้ำเงินและทองอย่างสวยงาม ส่วนชั้นบนทำจากกระจกแซฟไฟร์ที่วาดภาพแผนที่โลกแบบย่อส่วนเคลือบด้วยเทคนิค Grand Feu enamel อันเป็นเอกลักษณ์ และที่พิเศษยิ่งกว่าคือการใช้เทคนิค Phosphorescent Enamel ที่ทำให้หน้าปัดเรืองแสงในที่มืด เผยให้เห็นเส้นสายของแผนที่โลกและชื่อเมืองได้อย่างน่าทึ่ง

ตัวเรือนผลิตจาก Breguet Gold 18K ซึ่งเป็นวัสดุพิเศษเฉพาะของแบรนด์ มีขนาด 43.9 มิลลิเมตร หนา 13.8 มิลลิเมตร มาพร้อมผิวสัมผัสแบบขัดเงาและลายร่อง Fluted ที่ด้านข้างตัวเรือนซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเม็ดมะยมแบบขันเกลียวที่ช่วยให้กันน้ำได้ลึก 100 เมตร และมีการสลักหมายเลขประจำเรือนไว้บนฝาหลังแบบโปร่งใส ที่ภายในขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ In-house Calibre 77F1 ที่มาพร้อมสิทธิบัตรถึง 4 ฉบับ โดยทำงานที่ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง (4Hz) สำรองพลังงาน 55 ชั่วโมง ใช้กลไก silicon escapement และมีการขัดแต่งด้วยลวดลาย Côtes de Genève และ Perlage ตามมาตรฐานชั้นสูงของ Haute Horlogerie และนาฬิกามาพร้อมกับสายหนังจระเข้สีน้ำเงินกับตัวล๊อกสายแบบบานพับผลิตจากวัสดุ Breguet Gold 18K เช่นเดียวกับตัวเรือน

Breguet Marine Hora Mundi 5555

Ref. 5555BH/YS/9WV
ผลิตจำนวนจำกัด 50 เรือน
ราคา 3,508,000 บาท
วางจำหน่าย ภายในปี 2025
รายละเอียดเพิ่มเติม breguet.com

Initial thoughts

นาฬิกาเรือนนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า Breguet ไม่ได้เป็นเพียงผู้ผลิตนาฬิกา แต่เป็นศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลปะที่อยู่บนข้อมือครับ การนำเสนอความซับซ้อนของกลไก Hora Mundi ที่ใช้งานง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ มาผสานกับความงามของหน้าปัดที่ราวกับแผนที่โลกสามมิติที่เรืองแสงได้ เป็นสิ่งที่ทำให้นาฬิกาเรือนนี้โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร การผลิตจำนวนจำกัดเพียง 50 เรือนยิ่งเพิ่มคุณค่าให้กับนาฬิกาเรือนนี้ในฐานะชิ้นงานสะสมที่น่าหลงใหลอย่างแท้จริง