ในโลกแห่งศาสตร์การประดิษฐ์นาฬิกาชั้นสูง ชื่อของ A. Lange & Söhne เปรียบดั่งสัญลักษณ์ของความเที่ยงตรง ประณีต และเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณเยอรมัน และหนึ่งในผลงานที่สะท้อนจินตนาการอันยอดเยี่ยมอย่างเด่นชัดก็คือ “ZEITWERK” ที่อ่านว่า ไซท์แหวก หรือ ไซท์เวิร์ค แล้วแต่ความถนัด ซึ่งเป็นผลงานที่ผสานนวัตกรรมกับความคลาสสิก และสร้างสรรค์นาฬิกาวิถีใหม่แห่งศตวรรษที่ 21 ด้วยการแสดงเวลาแบบดิจิทัลในช่องหน้าต่างของระบบตัวเลขที่เปลี่ยนฉับพลันราวกับการกระโดดหรือ jumping numerals ที่มอบความแม่นยำด้วยกลไกจักรกลสุดซับซ้อน
ZEITWERK ไม่ได้เป็นเพียงแค่นาฬิกา แต่คือปรากฏการณ์แห่งการพลิกนิยามของนาฬิกาจักรกลแบบดั้งเดิม ด้วยหน้าปัดที่แสดงชั่วโมงและนาทีผ่านหน้าต่างตัวเลขดิจิทัลจากซ้ายไปขวา ผู้สวมใส่จึงสามารถอ่านเวลาได้อย่างง่ายดายในพริบตาเสมือนนาฬิกาดิจิทัล แต่ขับเคลื่อนด้วยหัวใจกลไกอันซับซ้อนที่ประดิษฐ์ขึ้นด้วยมือ แม้ระบบการแสดงเวลาจะดูล้ำยุคในรูปลักษณ์อันทันสมัย แต่ ZEITWERK ยังคงเชื่อมโยงกับรากฐานของแบรนด์ โดยนำแรงบันดาลใจจาก “นาฬิกาห้านาที” อันลือลั่นแห่งโรงอุปรากร “Semper Opera House” แห่งเมืองเดรสเดน รัฐแซกโซนี ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศเยอรมันนี เบิกทางสู่ผลงานที่น่าตื่นเต้น โดยเปิดตัวครั้งแรกในปี 2009 ซึ่งกลายเป็นหมุดหมายใหม่ของวงการนาฬิกาชั้นสูง นำพาทั้งผู้หลงใหลความคลาสสิกและนักคิดนอกกรอบให้มาร่วมชื่นชมในผลงานอันเป็นหนึ่งเดียว
ZEITWERK มีด้วยกัน 5 รูปแบบหลัก แต่ทั้งหมดล้วนมีคุณสมบัติร่วมกันประการหนึ่ง นั่นคือ “Time Bridge” โครงสร้างหลักของกลไกแสดงตัวเลขแบบกระโดด (jumping numerals) ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรแล้ว โดย Time Bridge ทำหน้าที่เหมือนกรอบสำหรับแสดงชั่วโมง นาที ที่แสดงในช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ และหน้าปัดย่อยของเข็มวินาทีรวมถึงหน้าปัดย่อยแสดงพลังงานสำรอง โครงสร้างนี้ผลิตจากเงินเยอรมันที่ปราศจากการชุบหรือ German silver หนึ่งในวัสดุที่แบรนด์ใช้ผลิตแท่นเครื่องของชุดกลไก ได้รับการตกแต่งอย่างพิถีพิถัน ด้วยการขัดมุม (chamfering) ที่ขอบและการปัดเงา (brushing) หรือบางครั้งก็มีการสลักลายด้วยเทคนิค Tremblage บนพื้นผิว เป็นต้น
ในปี 2022 A. Lange & Söhne ได้ปรับปรุงกลไกไขลาน Calibre L043.1 ที่มาพร้อมกับกลไกตัวเลขเปลี่ยนฉับพลัน (jumping numerals) ที่จดสิทธิบัตรและอุปกรณ์ remontoir อย่างมีนัยสำคัญสู่กลไกที่อัพเดตใหม่คือกลไกไขลาน Calibre L043.6 ที่มอบพลังงานสำรองเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจาก 36 ชั่วโมงเป็น 72 ชั่วโมง ด้วยการออกแบบตลับลานใหม่ที่ใช้สปริงลานสองชุด โดยยังคงรักษาขนาดที่สวยงามของเส้นผ่าศูนย์กลางตัวเรือนที่ 41.9 มิลลิเมตรไว้ ทั้งยังลดความหนาจาก 12.6 มิลลิเมตร เหลือ 12.2 มิลลิเมตรอีกด้วย โดย ZEITWERK ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2009 ทั้งในด้านเทคนิคกลไกและความงาม ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไว้ แม้ในช่วงแรกจะมีความเห็นแตกต่างออกมาบ้าง
ตอนนี้ ZEITWERK ได้กลายเป็นส่วนสำคัญอันของวงการนาฬิกาชั้นสูงในศตวรรษที่ 21 และจะยังคงเป็นเช่นนั้นต่อไปในขณะที่อุตสาหกรรมก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ZEITWERK รุ่นแรกในปี 2009 มาพร้อม Calibre L043.1 กลไกตัวเลขเปลี่ยนฉับพลัน (jumping numerals) และพลังงานสำรอง 36 ชั่วโมง ในขณะที่ ZEITWERK Date ที่เปิดตัวในปี 2019 มาพร้อมฟังก์ชันวันที่ซึ่งแสดงผลบนวงแหวนรอบหน้าปัด ผ่านตัวเลขตั้งแต่ 1 ถึง 31 โดยแสดงวันที่ ณ ปัจจุบันด้วยตัวเลขสีแดงบนแผ่นวงแหวนด้านล่าง ทำให้สามารถอ่านวันที่ได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องใช้เข็ม เน้นย้ำรูปแบบดิจิทัลของนาฬิกาได้อย่างลงตัว